2174 Views |
คุณพ่อคุณแม่หลายคนคงเคยได้ยินหรือเห็นอาการของส่าไข้หรือหัดกุหลาบในลูกน้อยหลังจากที่ไข้ ลดลง มักพบได้ในเด็กเล็กตั้งแต่อายุ 3 เดือน – 3 ปี ซึ่งมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัส Human herpesvirus type 6 (HHV-6) เป็นส่วนใหญ่ ว่าแต่โรคนี้คืออะไร และมีอาการอย่างไรบ้าง วันนี้ เฟ แอนด์ เม ได้นำข้อมูลจาก คลินิกเด็ก ศูนย์พัฒนาการเด็ก โรงพยาบาลวิชัยยุทธ มาฝากกันค่ะ
ส่าไข้หรือหัดกุหลาบ เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชื่อว่า Human Herpesvirus type 6 (HHV-6) เป็นเชื้อไวรัสพวกเดียวกับไวรั สที่ทำให้เกิดโรคเริม พบได้บ่อยที่สุดในช่วงอายุ 6-12 เดือน และพบได้น้อยมากในเด็กอายุตั้ งแต่ 3 ปีขึ้นไป ซึ่งสามารถติดต่อได้ โดยการหายใจสู ดเอาฝอยละอองเสมหะที่ผู้ป่ วยไอหรือจามรด หรือติดต่อโดยการสัมผัส คือ เชื้ออาจติดอยู่ที่มือของผู้ป่ วย สิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ เมื่อคนปกติมาสัมผัสถูกมือผู้ป่ วย สิ่งของเครื่องใช้ เชื้อก็จะติดมากับมือของคน ๆ นั้น เมื่อแคะไชจมูกหรือใช้นิ้วมื อขยี้ตาเชื้อก็จะเข้าสู่ร่ างกายได้เมื่อได้รับเชื้อเข้ าไปแล้วการแสดงอาการจะใช้ เวลาประมาณ 5-15 วัน
อาการของส่าไข้หรือหัดกุหลาบ
ในระยะแรกจะมีไข้สูงเฉียบพลัน 39.5 – 40.5 องศาเซลเซียส อาจมีอาการชักจากไข้สูง หรือตัวร้อนอยู่ตลอดเวลา จากนั้น 3 วัน ไข้ก็จะลดลงเป็นปกติอย่างรวดเร็ วหรืออาจจะค่อย ๆ ลดลง หลังจากไข้ลดไม่กี่ชั่วโมงจะมี ผื่นเล็กๆ สีแดงคล้ายกุหลาบขึ้น เริ่มที่หน้าอก หลัง ท้อง คอ และแขน อาจขึ้นที่ใบหน้าหรือขาก็ได้ จะไม่ค่อยมีอาการคัน ผื่นอาจอยู่นาน 1-3 วัน หรืออาจขึ้นมาเพียงไม่กี่ชั่ วโมงจะจางหายไปเอง ในบางรายอาจพบว่ามีอาการคอแดง เยื่อบุตาแดง หรือมีอาการอักเสบที่แก้วหูร่ วมด้วย และอาจคลำพบต่อมน้ำเหลืองโตที่ บริเวณหลังหู ท้ายทอย หรือบางรายอาจมีเพียงไข้สูง โดยไม่มีผื่นขึ้นหรืออาจขึ้นจาง ๆ ไม่ชัดเจน ซึ่งก็ทำให้การวินิจฉัยได้ไม่ แน่ชัด
การรักษาส่าไข้หรือหัดกุหลาบ
เมื่อมีไข้สูงให้ใช้ผ้าชุบน้ำบิ ดหมาดเช็ดตัวบ่อย ๆ ไม่สวมใส่เสื้อผ้าหนา ๆ หรือห่มผ้าหนา ๆ เพื่อให้ร่างกายได้ระบายความร้ อน รับประทานยาลดไข้ควบคู่กันไปกั บการเช็ดตัว หลีกเลี่ยงการใช้ยาแอสไพริน เพราะอาจเสี่ยงการเกิดโรคเรย์ซิ นโดรม และควรให้ผู้ป่วยดื่มน้ำมาก ๆ โรคนี้มักหายได้เองใน 3-5 วัน หรือไม่เกิน 1 สัปดาห์ หากพบว่าเด็กมีอาการซึมลง 3-5 วัน ไข้ไม่ลดลง ไม่ปัสสาวะนาน 4-6 ชั่วโมง หายใจหอบ อาเจียน หรือมีอาการชักร่วมด้วย ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที
ขอบคุณข้อมูลจาก
คลินิกเด็ก ศูนย์พัฒนาการเด็ก โรงพยาบาลวิชัยยุทธ